พิมพ์เขียวเกษตรอัจฉริยะใช้เงินทุนไม่เกิน 5 พันบาท – กรุงเทพธุรกิจ | 19 มี.ค. 2564 | หน้า 5 |โดย ยุพิน พงษ์ทอง กรุงเทพธุรกิจ การเปลี่ยนแปลงทั้งสภาพอากาศ และเศรษฐกิจของโลกกำลังเป็นตัวผลักดัน ให้ภาคการเกษตรต้องปรับระบบการผลิตให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ คุณภาพให้สูงขึ้นในขณะที่โจทย์การ ทำต้นทุนการผลิตให้ลดลง พร้อมกับ การใช้เงินลงทุนที่ไม่สูงด้วย ทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธาน เปิดโครงการความร่วมมือส่งเสริมนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่” HandySense : Smart Farming Open Innovation ว่า กรมส่งเสริมการเกษตร ร่วมมือกับศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธกส.) ดีแทคและหน่วยงานพันธมิตร ส่งเสริมการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ คือ ระบบการบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ (Handy Sense) โดยการสร้างต้นแบบแปลงเรียนรู้การบริหารจัดการแปลงเกษตร ด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะ ที่ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) และศูนย์ปฏิบัติการในสังกัดของกรมส่งเสริมการเกษตร จำนวน 50 ศูนย์ พร้อมพัฒนาความรู้ทักษะในการบริหารจัดการ ศึกษาวิเคราะห์ข้อมูล การบริหารจัดการแปลงเกษตรด้วยระบบอัจฉริยะ แล้วนำไปประยุกต์ใช้ในการ ผลิตสินค้าเกษตรได้อย่างเหมาะสมกับสภาพพื้นที่ของชุมชน เพื่อยกระดับสู่ การทำเกษตรสมัยใหม่ และเกษตรแบบแม่นยำ (Precision Agriculture) เข้มแข็ง ยุติธรรมดำรง อธิบดี กรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า โครงการ Handy Sense มีเป้าหมายจะดำเนินการ รวม 16 จุด แบ่งเป็น ศูนย์เรียนรู้การ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) จำนวน 6 ศูนย์ (เขตละ 1 ศูนย์) และศูนย์ปฏิบัติการของกรมส่งเสริมการเกษตรอีก 10 ศูนย์ และมีแผนจะขยายผลให้ครบทั้ง 50 ศูนย์ปฏิบัติการภายในปี 2566 นอกจากนี้จะดำเนินการขยายผลไปสู่เกษตรกรทั่วไปที่สนใจที่จะพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตรด้วยระบบเกษตรอัจฉริยะควบคู่กันไปด้วย “การเปิดเผยพิมพ์เขียวต้นแบบ ผลงานวิจัย Handy Sense ไม่คิด ค่าลิขสิทธิ์และค่าใช้สิทธิ นับว่าจะเป็น ประโยชน์อย่างมากสำหรับเกษตรกรไทย ที่จะมีโอกาสเข้าถึงเครื่องมือที่ทันสมัยได้ในราคาไม่แพงจนเกินไป” สำหรับระบบเกษตรอัจฉริยะ Handy Sense เป็นอุปกรณ์ IoT และ application ในการควบคุมสภาพแวดล้อม ที่สำคัญ ต่อการเจริญเติบโตของพืช ประกอบด้วย 4 เซนเซอร์และ 3 ฟังก์ชั่น ซึ่งมีมูลค่า การติดตั้ง 5,000 บาทต่อระบบ แต่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ กับแปลงเพาะปลูก ได้ทุกขนาด ซึ่งเกษตรกรสามารถออกแบบระบบแปลงได้เอง Handy Sense นี้จะใช้วัด สภาพแวดล้อมในการเพาะปลูก และควบคุมการให้น้ำสำหรับพืช ได้อย่าง เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยเกินไป ช่วยเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรอย่างน้อย 20% โดยเฉลี่ย ซึ่งเกิดจากการลดต้นทุน การใช้ทรัพยากรและการเพิ่มปริมาณ และคุณภาพของผลผลิต โดยปัจจุบัน มีการติดตั้งอุปกรณ์ Handy Sense ทั่วประเทศแล้วจำนวน 77 แห่ง และ คาดว่าจะขยายเป็น 200 แห่งได้ในปี 2565 ชัย วุฒิวิวัฒน์ชัย ผู้อำนวยการ เนคเทค กล่าวว่า อยากจะเห็นทุกหลังคาเรือน ของเกษตรกรไทย ได้เข้าถึงและสามารถใช้เครื่องมือหรือเทคโนโลยีด้านเกษตรสมัยใหม่ได้โดยง่าย ในราคาที่ประหยัดและสามารถก้าวกระโดดไปสู่ยุคเกษตรอัจฉริยะได้ ธนารัตน์ งามวลัยรัตน์ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า เกษตรกร และผู้ประกอบการ SMEs เกษตร มีความสนใจในระบบ Handy Sense ไปผลิตเพื่อใช้งานหรือจำหน่าย ธ.ก.ส. พร้อมที่จะสนับสนุนสินเชื่อเพื่อรองรับความต้องการด้านเงินทุน “อยากเห็นเกษตรกรไทยสามารถก้าวกระโดดไปสู่ยุคเกษตรอัจฉริยะได้”