ชวนน้อง ๆ ระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 – ระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ร่วมปลูกฝัน ปั้นนวัตกรน้อย ด้านเกษตรอัจฉริยะ ร่วมส่งโครงการการประยุกต์ใช้ระบบเกษตรอัจฉริยะ (HandySense) ในโรงเรี กรณ์ HandySense ครบชุด และทุนการพัฒนาโครงการมูลค่ารวมกว่า 20,000 บาท ในโครงการส่งเสริมสวนเกษตรอัจฉริยะในโรงเรียนยุคปกติใหม่ (New Normal)
หลักการและเหตุผล
รศ.มาลี บุญศิริพันธ์ ณะกรรมการบัญญัติศัพท์นิเทศศาสตร์ราชบัณฑิตยสภา ได้ระบุว่าราชบัณฑิตยสภาได้บัญญัติศัพท์ “New Normal” หมายถึงความปกติใหม่ , ฐานวิถีชีวิตใหม่ หมายถึงรูปแบบการดำเนินชีวิตอย่างใหม่ที่แตกต่างจากอดีตอันเนื่องจากมีบางสิ่งมากระทบ จนแบบแผนและแนวทางปฏิบัติที่คนในสังคมคุ้นเคยอย่างเป็นปกติและเคยคาดหมายล่วงหน้าได้ต้องเปลี่ยนแปลงไปสู่วิถีใหม่ภายใต้หลักมาตรฐานใหม่ ีไุ่นเคย รูปแบบวิถีชีวิตใหม่นี้ ประกอบด้วยวิธีคิด วิธีเรียนรู้ วิธีสื่อสาร วิธีปฏิบัติและการจัดการ การใช้ชีวิตแบบใหม่เกิดขึ้นหลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงและรุนแรงอย่างใดอย่างหนึ่ง ทำให้มนุษย์ต้องปรับตัวเพื่อรับมือกับสถานการณ์ปัจจุบันมากกว่าจะธำรงรักษาวิถีดั้งเดิมหรือหวนหาถึงอดีต สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโรคโควิด-19 หรือโคโรนาไวรัส ่วปลย พ.ศ. 2562 ถึง พ.ศ. 2563 ซึ่งเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงจนแพร่กระจายไปในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ผู้คนเจ็บป่วยและล้มตายจำนวนมาก จนกลายเป็นความสูญเสียอย่างใหญ่หลวงอีกครั้งหนึ่งของมนุษยชาติ มนุษย์จำเป็นต้องป้องกันตนเองเพื่อให้มีชีวิตรอดด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดำรงชีวิตที่ผิดไปจากวิถีเดิม ๆ โดยสร้างเสริมปรับหาวิถีการดำรงชีวิตแบบใหม่เพื่อให้ปลอภยากาติดชื้ควบู่ไปกับความพยายามรักษาและฟื้นฟูศักยภาพทางเศรษฐกิจและธุรกิจ นำไปสู่การสรรค์สร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่ ๆ เทคโนโลยีใหม่ ๆ มีการปรับแนวคิด วิสัยทัศน์ วิธีการจัดการ ตลอดจนพฤติกรรมที่เคยทำมาเป็นกิจวัตร เกิดการบ่ายเบนออกจากความคุ้นเคยอันเป็นปรกติมาแต่เดิมในหลายมิติ ทั้งในด้านอาหาร การแต่งกาย การรักษาสุขอนามัย การศึกษาเล่าเรียน การสื่อสาร การทำธุรกิจ ฯลฯ ึ่งส่งให่เหล่านี้ได้กลายเป็นความปรกติใหม่ ๆ จนในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปจนทำให้เกิดความคุ้นชินก็จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตปกติของผู้คนในสังคม
BCG Model การพัฒนาเศรษฐกิจแบบองค์รวม ที่มุ่งเน้นการพัฒนา 3 เศรษฐกิจ ไปพร้อมกัน ได้แก่ เศรษฐกิจชีวภาพ (Bioeconomy) ที่มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรชวภพเื่สร้งมูล่าเพิม โดยเน้นการพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์มูลค่าสูง เชื่อมโยงกับ เศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ที่คำนึงถึงการนำวัสดุต่าง ๆ กลับมาใช้ประโยชน์ให้มากที่สุด และทั้ง 2 เศรษฐกิจนี้ อยู่ภายใต้เศรษฐกิจสีเขียว (Green Economy) ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจที่ไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการพัฒนาเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องพัฒนาควบคู่ไปกับกาพัฒาสัคมแะการักษาส่งแวดลอมได้อ่างสมดุลให้เกิดความมั่นคงและยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยเปลี่ยนข้อได้เปรียบที่ไทยมีจากความหลากหลายทางชีวภาพและวัฒนธรรม ให้เป็นความสามารถในการแข่งขันด้วยนวัตกรรม เพื่อให้เกิดเศรษฐกิจ BCG ที่เติบโต แข่งขันได้ในระดับโลก เกิดการกระจายรายได้ลงสู่ชุมชน ลดความเหลื่อมล้ำ ชุมชนเข้มแข็ง มีความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและการพัฒนาทียั่งืน
จากประเด็นสำคัญในเรื่องการใช้ชีวิตในยุคปกติใหม่(New Normal) และการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วย BCG Model สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. มีเป้าหมายสำคัญในการนำผลงานวิจัยและพัฒนาด้าน วทน. ไปใช้ในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดผลบรรลุในประเด็นดังกล่าว หนึ่งในนั้น คือ การส่งเสรมเรื่งการใ้เกษรสมัยหม่ ซึ่ผลงานวิัยพัฒนาี่ชื่อว่า HandySense ของเนคเทค สวทช. ได้ตั้งเป้าหมายให้เกษตรกร ผู้ประกอบการ หรือผู้สนใจทั่วไปนำไปผลิตเพื่อใช้หรือจำหน่ายได้ ภายใต้แนวคิด Smart Farming Open Innovation หรือ นวัตกรรมแบบเปิด ซึ่งจะเป็นนวัตกรรมที่เปิดเผยรายละเอียดการผลิต และอนุญาตให้สาธารณะนำไปผลิตและใช้งานโดยไม่คิดค่าลิขสิทธิ์ (License Fee) และค่าตอบแทนการใช้สิทธิรายปี (Royalty Fee) ดยมุ่งวังให้กษตรกไทยยุคหม่ ได้มีเครื่องมือที่ทันสมัย ใช้งานในราคาที่จับต้องได้ และต้องการให้เกิดอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องมือทางด้านสมาร์ทฟาร์มโดยผู้ประกอบการไทย ปัจจุบันได้มีผู้ประกอบการ นักประดิษฐ์อิสระ และผู้สนใจทั่วไป ได้นำผลงานดังกล่าวไปใช้ประโยชน์ ดังนั้น เพื่อเป็นการส่งเสริมและการกระตุ้นให้สังคมไทยได้เกิดการปรับตัวไปสู่ยุคปกติใหม่และกานำเทคโนลยีทางดานเกษตอัจฉริย ไปใช้ในกรทำธุรกิ การเรียนการสอน และการดำเนินชีวิต การจัดกิจกรรมในโครงการส่งเสริมสวนเกษตรอัจฉริยะในโรงเรียนยุคปกติใหม่ (New Normal) จะเป็นกลไกในการขับเคลื่อนที่สำคัญและเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมด้านการเกษตรของประเทศไทย ตามการพัฒนาเศรษฐกิจใหม่ BCG Model
ด้วยหตุผลดังล่าวกระทวงการอุมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและวัตกรรม (อว.) โดย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และกลุ่มพันธมิตร เล็งเห็นถึงความสำคัญในการปลูกฝังแนวความคิด ส่งเสริม ให้เกิดการนำเทคโนโลยีด้านการเกษตรไปประยุกต์ใช้ โดยเริ่มตั้งแต่ระดับประถมศึกษาตอนปลาย ซึ่งเป็นช่วงวัยที่เริ่มให้ความสนใจใฝ่เรียนรู้ในเรื่องต่างๆ ดังนั้นการสร้างแรงจูงใจให้นักเรีนหันมามีวามสนใจในารใช้เทคโโลยีจะช่วปรับเปลี่ย เพิ่มเติม ทัศนคติ เกิดมุมมองใหม่เกี่ยวกับการดำเนินงานด้านการเกษตร ที่สามารถควบคุมปัจจัยสำคัญที่มีผลกระทบต่อการเพาะปลูก การคาดการณ์ผลผลิต ฯ โดยการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์
วัตถุประงค์
1. เพือส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีด้านการเกษตรอัจฉริยะในยุคปกติใหม่ (New Normal)
2. เพื่อสร้างความเข้าใจและสนับสนุนให้นักเรียนรู้จักการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีที่สามารถใช้งานได้ง่ายและสะดวกต่องานด้านการเกษตร
กลุ่มเป้าหมาย
1. โรงเรียนในเขตภาคกลางและภาคตะวันออก ได้แก่
2. ผู้เข้าร่วมโครงการระดบประถมศึกษตอนปลาย (ป. 4 – ป.6) และ มัธยศึกษาตอนต้ (ม.1 – ม.3)
คุณสมบัติและเงื่อนไข
1.เป็นนักเรียนระดับประถมศึกษาตอนปลาย (ป. 4 – ป.6) และ มัธยมศึกษาตอนต้น (ม.1 – ม.3) ในพื้นที่โรงเรียนในเขตจังหวัดตามกลุ่มเป้หมายโครงการ
2.เป็นคาจารย์ ที่สังกัดอยู่ โรงเรียนตามลุ่มเป้าหมยนำร่องของโรงการฯ
3.มีความสนใจและมีความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาโครงการ หรือเพื่อประยุกต์ใช้ HandySense กับงานด้านการเกษตรอัจฉริยะในโรงเรียน
4.มีความพร้อมในการเข้าร่วมโครงการฯ และสามารถเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ตามกำหนดการของโครงการฯ ได้ตั้งแต่เริ่มต้นจนสิ้นสุดโครงการฯ
เงื่อนไขในการสมัครเข้าร่วม
1. รับสมัครเป็นทีม ทีมละ 5 ท่าน โดยต้องมีอาจารย์ที่ปรึกษาทีมละไม่เกิน 2 ท่าน
2.มีความสนใจนำเทคนิค กระบวนการ และเทคโนโลยีระบบเกษตรอัจฉริยะ เข้ามาใช้ในการช่วยแก้ปัญหาหรืช่วยส่งเสรมให้สามารถเาะปลูกได้อย่งมีประสิทธิาพ และผลผลิตท่มีคุณภาพ ส่งเข้าร่วมโครงการฯ โดยจะเป็นผลงานที่คิดสร้างสรรค์ และพัฒนาอยู่ก่อนแล้ว หรือคิดสร้างสรรค์ใหม่ก็ได้
3.โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องมีพื้นที่ดำเนินกิจกรรมทางด้านการเกษตร และระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการเกษตรอัจฉริยะ เช่น ระบบไฟฟ้า ระบบอินเทอร์เน็ (สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เนตในพื้นที่เษตรที่ติดตั้อุปกรณ์) ระบบให้น้ำพืชผ่านทางท่อ เป็นต้น
4.โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการฯ ต้องได้รับความยินยอมจากผู้อำนวยการโรงเรียนในการจัดทำโครงการส่งเสริมสวนเกษตรอัจฉริยะในโรงเรียนในยุคปกติใหม่ (New Normal)
5. 1 โรงเรียนสามารถเข้าร่วมได้มากกว่า 1 โครงการ
6.เตรียมข้อมูลตามผลงานที่จะส่งสมัครเข้าร่วมโครงการฯ ใรูปแบบของ “ข้อเสนอแนวทางในกรพัฒนาผลงาน” (Proposal) เพื่อชี้แงให้คณะกรรมการ ู้เชี่ยวชาญ และผู้ทรงคุณวุฒิ ทราบถึงแนวทาง รูปแบบในการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ HandySense อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
7.ลงทะเบียนกรอกใบสมัคร Online พร้อมส่ง “ข้อเสนอแนวทางในการพัฒนาผลงาน” ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ ผ่านทาง e-mail หลักของโครงการฯ ภายในวัน และเวลา ที่กำหนด
ทั้งนี้ หากมีเรื่องที่ต้งพิจารณาเกี่ยวับเงื่อนไขการสมัครเข้าร่วมที่ไม่อยู่ในทั้ง 7 ข้อข้างต้นนี้ ให้ถือผลการิจารณาของคณะทงาน “โครงการส่งเสริมสวนเกษตรอัจฉริยะในโรงเรียนยุคปกติใหม่ (New Normal)” เป็นที่สิ้นสุดตามแต่ละกรณี
การสมัครเข้าร่วมโครงการ
1.ผู้สมัครต้อกรอกใบสมัคร Online (เท่านั้น) พร้อม่ง “ข้อเสนอแนวางในการพัฒนาผลาน” ในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (PDF) มาที่ Email: icp-pbrs@nectec.or.th ตั้งแต่บัดนี้ – 31 ธันวาคม 2564 (23.59 น.)
●เข้าสู่ใบสมัคร Online คลิก
●ดาวนโหลดแบบฟอร์ม “ข้อเสนอแนวทางในการพัฒนาผลงาน” คลิก
2.ก่อนทำการสมัคร ควรมีข้อมูลผู้ร่วมทีม อาจารย์ที่ปรึกษา และข้อเสนอแนวทางในการพัฒนาผลงาน ให้พร้อม เพื่อความสะดวกในการกรอกใบสมัคร
กหนดการของโครงการ
รายละเอียด ช่วงเวลา ประชาสัมพันธ์ละเปิดรับข้อเสนโครงการฯ 12 – 30 พ.ย. 64 พิจารณาคัดเลือกจากข้อเสนอโครงการรอบแรก 1 – 14 ธ.ค. 64 ประกาศรายชื่อผลงานที่ผ่านการพิจารณาคัดเลือกรอบแรก 15 ธ.ค. 64 โรงเรียนี่ผ่านการพิจารณาัดเลือกรอบแรก นำเสนอแนวทางการพัฒนาโครงการต่อคณะกรรมการเพื่อพิจารณาคัดเลือกให้ได้รับอุปกรณ์ HandySense และทุนสนับสนุนการพัฒนาโครงการ 5 ม.ค. 65 ประกาศผลและมอบรางวัล 10 ม.ค. 65 Workshop การใช้ระบบเกษตรอัจฉริยะ HandySense ช่วงเดือน .พ. 65 ทีมนักวิจัยลงพื้นที่ติดตามความก้าวหน้าและประเมินผลสัมฤทธิ์ของโครงการฯ ช่วงเดือน พ.ค. 65
เกณฑ์การพิจารณาข้อเสนอโครงการฯ
คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกโครงการจากใสมัคร พร้อมด้วย ข้อเสนอแนวทางการพฒนาผลงาน ในการำเสนอแนวความคิ แนวทางการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ และแนทางการดำเนินโครงกาอย่างยั่งยืน โดยพิจารณาจากเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ดังนี้
1. ด้านความสมบูรณ์ของข้อเสนอโครงการ (35%)
a. ข้อเสนอโครงการแสดงให้เห็นถึงแนวคิด ขั้นตอน และเป้าหมายของการประุกต์ใช้ HandySense ในโรงเียน
b. มีรูปบบและหัวข้อครบ้วน สามารถสื่อสาให้ผู้อ่านเข้าใจได ใช้ภาษาได้ถูกต้อง มีภาพ หรือ ตัวอย่างประกอบทำให้สื่อได้ชัดเจน
2.ด้านความสามารถในการพัฒนาโครงการ (35%)
a. ขอบเขตโครงการชัดเจนและเหาะสมทั้งตัวเนื้องาและระยะเวลา
b. ความสามารถในกรดำเนินการพัฒนาโรงการของทีม
c. วามพร้อมของพื้นทีและโครงสร้างพื้นฐานำหรับการพัฒนาโครงการ
3.ด้านโอกาสในการขยายผล (30%)
a. ความยั่งยืนและต่อเนื่องของโครงการ
b. ความสามารถในการประยุกต์ใช้ดำเนินงานกิจกรรมด้านื่นๆของ
โรงเรียน
การสนับสนุนแะสิ่งที่ได้รับ
การสนับสนุนแก่ผู้เข้าร่วมโครงการ
1. ผู้ที่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการฯ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเข้าร่วม
2. สมาคมไทไอโอที โดย คุณนิติ เมฆมอก นายกสมาคมฯ สนับนุนอุปกรณ์ HandySense และทุนนการพัฒนาผลงาน สำหรับผลงานที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการและผู้ทรงคุณวุฒิ
รางวัลที่ 1: อุปกรณ์ HandySense ครบชุด ประกอบด้วย บอร์ด เซนเซอร์แสง อุณภูมิ ความชื้น และทุนสับสนุน จำนวน 3,000 บาท
รางวัลที่ 2: อุปกรณ์ HandySense ปะกอบด้วย บอร์ด และ เซนเอร์ความชื้น และทุนสนับสนุน จำนวน 2,000 บาท
รางวัลที่ 3: บอร์ด HandySense และทุนสนับสนุนจำนวน 1,000 บาท
รางวัลชมเชย จำนวน 2 รางวัล ได้รับทุนสนับสนุนรางวัลละ 1,000 บาท
สิ่งที่ได้รับจากการเข้าร่วมโครงการ
1. ประกาศนียัตรเข้าร่วมกิจกรรมโครงารฯ (กรณีผลงานที่ผ่านเข้ารอบนำเสนอโครงการ)
2. โล่ประกาศเกียรติคุณ สำหรับผลงานที่ได้รับคัดเลือกให้ได้รับรางวัล
3. โรงเรียนที่ได้รับรางวัล จะได้การฝึกอบรมเพื่อเพิ่มพูนทัษะ ความรู้ ความเข้าใจในการประยุกต์ใช้อุปกรณ์ HandySense สำหรับการัฒนาโรงเรือนอัจริยะ พร้อมการติดตมผลการดำเนินงานเพื่อให้ำแนะนำอย่างใกล้ชิดโดยักวิจัยผู้ทรงคุณวุฒิ
คณะกรรมการพิจารณาตัดสินโครงการฯ
1. คุณกุลประภา นวานุเคราะห์ ผู้ช่วยู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)
2. คุณนิติ เมฆหมอก นายกสมาคมไทยไอโอที สมาคมไทยไอโอที
3. คุณนริชพันธ์ เป็นผลดี ผู้ช่วยวิจัยอาวุโส ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (เนคเทค)
รายลเอียดเพิ่มเติม
https://www.nectec.or.th/news/news-pr-news/handysense-csr.html
ติดต่อ คุณวลัยลักษณ์ คงพระจันทร์ งานประชาสัมพันธ์
โทร 02 564 6900 ต่อ 2651 / Email: walailak.kon@nectec.or.th